Climate Change คืออะไร
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหมายถึงการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิและรูปแบบสภาพอากาศในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเป็นไปตามธรรมชาติ เช่น การเปลี่ยนแปลงในวัฏจักรสุริยะ เป็นต้น ในปัจจุบันกิจกรรมของมนุษย์เป็นตัวขับเคลื่อนหลักของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสาเหตุหลักมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซ การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ทำหน้าที่เหมือนผ้าห่มที่ห่อหุ้มโลก ดักจับความร้อนของดวงอาทิตย์และทำให้อุณหภูมิสูงขึ้น
ตัวอย่างของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้แก่ คาร์บอนไดออกไซด์และมีเทน สิ่งเหล่านี้มาจากการใช้น้ำมันในการขับขี่รถยนต์หรือถ่านหินเพื่อให้ความร้อนแก่อาคาร เป็นต้น การแผ้วถางที่ดินและป่าไม้สามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้เช่นกัน การฝังกลบขยะเป็นแหล่งปล่อยก๊าซมีเทนที่สำคัญ พลังงาน, อุตสาหกรรม, การขนส่ง, อาคาร, การเกษตรและการใช้ที่ดินเป็นหนึ่งในตัวปล่อยก๊าซหลัก
ผู้คนกำลังประสบกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในรูปแบบต่างๆ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจส่งผลต่อสุขภาพ ความสามารถในการปลูกอาหาร ที่อยู่อาศัย ความปลอดภัย และการทำงานของเรา พวกเราบางคนมีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากสภาพอากาศอยู่แล้ว เช่น ผู้คนที่อาศัยอยู่ในประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ และประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ สภาพต่างๆ เช่น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นและการรุกล้ำของน้ำเค็มได้ก้าวไปสู่จุดที่ทั้งชุมชนต้องย้ายถิ่นฐาน ฝุ่น PM 2.5 และความแห้งแล้งที่ยืดเยื้อทำให้ผู้คนเสี่ยงต่อความอดอยาก ในอนาคตคาดว่าจำนวน “ผู้ลี้ภัยจากสภาพอากาศ” จะเพิ่มขึ้น
การเพิ่มขึ้นของภาวะโลกร้อนมีความสำคัญ นักวิทยาศาสตร์หลายพันคนเห็นพ้องต้องกันว่าการจำกัดอุณหภูมิโลกให้สูงขึ้นไม่เกิน 1.5°C จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุดและรักษาสภาพอากาศให้น่าอยู่ แต่นโยบายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2.8°C ภายในสิ้นศตวรรษนี้ การปล่อยมลพิษที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาจากทุกส่วนของโลกและส่งผลกระทบต่อทุกคน ทุกคนจำเป็นต้องดำเนินช่วยกันรับผิดชอบดูแล
เราจึงต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ช่วยกันตระหนักถึงวิธีแก้ปัญหา โซลูชันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจำนวนมาก โดยมีกรอบการทำงานและข้อตกลงระดับโลกเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการ เช่น เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความตกลงปารีส การดำเนินการสามประเภทกว้างๆ ได้แก่ การลดการปล่อยมลพิษ การปรับตัวให้เข้ากับผลกระทบของสภาพอากาศ และการจัดหาเงินทุนสำหรับการปรับเปลี่ยนที่จำเป็น การเปลี่ยนระบบพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือลม จะช่วยลดการปล่อยก๊าซที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่เราต้องเริ่มเดี๋ยวนี้ ในขณะที่กลุ่มประเทศพันธมิตรที่เพิ่มขึ้นกำลังมุ่งมั่นที่จะปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 การลดการปล่อยก๊าซประมาณครึ่งหนึ่งจะต้องเกิดขึ้นภายในปี 2573 เพื่อรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่า 1.5°C การผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลจะต้องลดลงประมาณร้อยละ 6 ต่อปีระหว่างปี 2020 ถึง 2030
Climate Change ส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจ ?
climate change ที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นทุกขณะ ก่อให้เกิดข้อตกลงและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น เปิดโอกาสให้มีการกีดกันทางการค้าในรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงกว่ามาตรฐาน การออกกฎหมายห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ไม่มีการรณรงค์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือแม้แต่การนำรอยเท้าคาร์บอน (carbon footprint) มาใช้ ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นแรงกดดันทางการค้าและความท้าทายให้ธุรกิจไทยต้องเร่งปรับตัว ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงภาคธุรกิจเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่เราทุกคนก็ได้รับด้วย ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสายการบินที่ต้องเผชิญกับมาตรการที่ EU เรียกเก็บค่าปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับสายการบินที่บินเข้า-ออกยุโรป ทำให้ต้องซื้อคาร์บอนเครดิต หรือใช้ EU emission allowance ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อราคาตั๋วโดยสารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ยังมีช่องทางและโอกาสทางธุรกิจอีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในความท้าทายนี้ ทั้งในแง่ของการปรับปรุงเทคโนโลยีและกระบวนการผลิตของผลิตภัณฑ์เดิม หรือการออกผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เช่น ธุรกิจน้ำมันพืชรายหนึ่งที่มีการนำ carbon footprint มาใช้ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังคาดว่าจะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งทางการ ตลาดจากราว 10% เป็นกว่า 15% หรือการขายคาร์บอนเครดิตของฟาร์มสุกร 19 แห่ง ที่ช่วยสร้างรายได้เพิ่มขึ้นมากถึงเกือบ 60 ล้านบาทต่อปี หรือแม้แต่การเพิ่มช่องทางและโอกาสทางธุรกิจเพื่อตอบสนองต่อกลุ่มผู้บริโภคสีเขียวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เช่น การพัฒนานวัตกรรมอาหารแช่แข็งเพื่อสุขภาพและปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่ลดการใช้พลาสติกลงถึง 65% ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายของผลิตภัณฑ์ได้มากถึง 15% หรือการเปิดตลาดผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในระยะยาว
ต้องการปรึกษาพัฒนาธุรกิจตามแนวคิดความยั่งยืน เราพร้อมให้บริการ พูดคุยกันก่อนได้ที่ www.weeconsultant.com
#พัฒนาธุรกิจต่อเนื่องเพื่อความยั่งยืน
ที่มา : https://www.un.org/en/climatechange/what-is-climate-change , https://www.scbeic.com